ปกติแล้ว iPhone เป็นโทรศัพท์ที่มีโอกาสถูกโจมตีจากมัลแวร์ หรือภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ น้อยมาก เนื่องจากระบบปฏิบัติการณ์เป็นระบบปิด จึงมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโทรศัพท์ Android อย่างไรก็ตาม iPhone ก็มีโอกาสที่จะติดมัลแวร์ได้เช่นกัน เราจึงควรตรวจสอบและกำจัดอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการต่อไปนี้
วิธีตรวจสอบไอโฟนมีไวรัสมัลแวร์หรือไม่? พร้อมวิธีกำจัดง่าย ๆ สามารถทำตามได้ง่าย ๆ ดังนี้
-
ท่องเว็บไซต์แล้วแจ้งเตือนว่าติดไวรัส
การแจ้งเตือนเหล่านี้มักมาพร้อมลิงค์ที่จะชวนไปติดตั้งโปรแกรมอื่นๆ ที่แอบอ้างว่าช่วยปกป้องโทรศัพท์มือถือจากไวรัสได้ แต่อันที่จริงนี่ต่างหากที่เป็นอันตราย เพราะการดาวน์โหลดแอปหรือโปรแกรมใดๆก็ตามที่ไม่ได้มาจาก App Store นั้นมีความเสี่ยงสูงที่แอปจะมีภัยคุกคามแอบแฝงมาด้วย ทางที่ดีหากเจอแจ้งเตือนเหล่านี้บนหน้าเว็บไซต์ ควรกดปิดเว็บให้ไวที่สุด
-
อัพเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
การอัพเดตต้องทำทั้งระบบปฏิบัติการณ์ และแอปพลิเคชันทุกตัวที่ใช้บน iPhone ด้วย การอัพเดตจะช่วยให้ได้เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ผ่านการแก้ไขปัญหาและช่องโหว่ต่างๆมาแล้วเสมอ แม้จะเป็นไม่ได้เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับไวรัสหรือมัลแวร์โดยตรง แต่การที่ใช้โทรศัพท์และแอปที่มีความสเถียรย่อมปลอดภัยมากกว่าแน่นอน
-
กำจัดปฏิทินสแปม
ปฏิทินสแปมไม่ใช่ไวรัส แต่ก็จะมีการส่งแจ้งเตือนแปลกๆมาให้ประจำ ซึ่งอาจจะชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมตามเว็บไซต์ที่ไม่มีความปลอดภัยอีกที เพราะฉะนั้นอย่าลืมตรวจสอบปฏิทินสแปมอย่างสม่ำเสมอและถ้าเจอก็กำจัดออกไปเสีย ซึ่งทำได้ดังนี้
- เปิดแอปปฏิทิน
- กดที่เครื่องหมายปฏิทินเพื่อตรวจสอบ
- หากมีปฏิทินสแปม มักจะมีรายละเอียดแปลกๆที่ไม่ได้นัดหมายขึ้นเอง (และอาจจะมีคำว่า “สมัครรับอยู่”)
- ลบสแปมโดยการกดที่ตัว i หลังวันที่ในปฏิทินที่มีสแปม
- กด “ลบปฏิทิน”
- หากปฏิทินสแปมปรากฏคำว่า “เลิกสมัครรับ” ให้กดที่ “เลิกสมัครรับ” และกด “เลิกสมัครรับและแจ้งว่าเป็นขยะ”
-
ป้องกันการเข้าเว็บไซต์หลอกลวงใน safari
หากสังเกตว่าการท่องเว็บไซต์ใน safari มีโฆษณาแปลกๆปรากฏมากเกินไป ให้ไปที่ “การตั้งค่า> safari>เปิดการทำงานคำเตือนเว็บไซต์หลอกลวง” เพื่อป้องกันการเข้าใช้งานเว็บไซต์อันตรายเหล่านี้โดยไม่ตั้งใจ จากนั้นไปที่ “ล้างประวัติและข้อมูลเว็บไซต์” เพื่อล้างข้อมูลเว็บไซต์อันตรายที่อาจเคยเข้าใช้งานออกไป
โดยทั่วไปแล้วปัญหามัลแวร์ ไวรัสหรือภัยคุกคามอื่นๆที่พบใน iPhone นั้นไม่ได้เกิดจากระบบ เพราะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่มักเกิดจากพฤติกรรมการใช้งานที่อาจกดเข้าไปในเว็บไซต์หรือดาวน์โหลดแอปอันตรายมาใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นหากปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นก็ช่วยให้ระบบที่ปลอดภัยอยุ่แล้วมีความปลอดภัยมากขึ้นไปอีกนั่นเอง