ที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด 19 กลับมาระบาดในระลอกที่ 2 รัฐบาลก็ได้มีโครงการหลายอย่างเข้ามาช่วย ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเยียวยาคนในภาคส่วนต่าง ๆ แต่มีคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในภาคแรงงานในระบบ หรือคนที่ได้ประกันตนตามมาตรา ม.33 คือ คนที่อายุตั้งแต่ 16 ปี ถึง 60 ปี ทำงานแบบมีนายจ้าง ในระบบบริษัท และส่งเงินรายเดือนให้กับสำนักงานประกันสังคมในอัตรา 5% ของรายได้ และนายจ้างจ่ายสมทบอีก 5% ในกลุ่มคนจำนวนนี้มีมากถึง 11 ล้านคนในประเทศ เป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างชัดเจนเช่นคนในกลุ่มอื่นที่ได้รับเงินเยียวยา เป็นเงินก้อนโอนเข้าบัญชี เช่น โครงการเราชนะ เป็นต้น ซึ่งเหตุผลก็เป็นเพราะ ส่วนหนึ่งรัฐบาลได้ช่วยเหลือแล้ว แต่มาในรูปแบบของ นโยบายลดเงินที่ต้องจ่ายสมทบประกันสังคมเป็นเวลา 3 เดือน และ จะรับเงินชดเชยในกรณีที่เกิดการว่างงานเนื่องจากสถานการณ์วิกฤตโควิด
แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้หลังจากที่ กลุ่มคนผู้ประกันตน ม 33 ได้ออกมาเรียกร้องและทำหนังสือเรียกร้องมายังรัฐบาล ตอนนี้มีข่าวออกมาว่า รัฐกำลังพิจารณากำหนดงบประมาณเพื่อใช้เยียวยากลุ่มคน ม 33 ด้วยเช่นกัน โดยเบื้องต้นนั้น รัฐกำลังคำนวณวงเงินช่วยเหลือเยียวยาในอัตราที่เหมาะสมอยู่ แนวโน้มเงินที่กลุ่มผู้ประกันตนจะได้รับในการเยียวยาเนื่องในวิกฤตโควิดเคาะออกมาคร่าว ๆ ประมาณ 3500-4000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นการง่ายเพียง 1 เดือน ซึ่งก็จะมีการกำหดเงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิ์เยียวยา ใกล้เคียงหรือเหมือนกันกับคนที่มีอาชีพอิสระ ที่ได้รับสิทธิ์รับเงินเยียวยาจากโครงการ ไทยชนะ
การพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกันตน ม.33 ที่จะได้รับเงินเยียวยาในรอบนี้นั้น ในรายละเอียดของหลักเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติคล้ายกันกับเงินเยียวยากลุ่มไทยชนะ คือ จะต้องเป็นคนสัญชาติไทย และจ่ายเงินสมทบประกันตนตามมาตรา ม.33 อยู่ก่อนแล้ว และมีรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่เกิน 25,000 บาท หรือ รายได้จะต้องไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี และกำหนดว่าจะต้องมีเงินฝากในบัญชีทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีบทสรุปออกมาว่า เงินจำนวนนี้ในการเยียวยากลุ่มคนผู้ประกันตน ม 33 รัฐบาลจะให้เงินเยียวยาจริงหรือไม่ และจะมีกำหนดการให้เมื่อไหร่ ดังนั้นจึงมีผู้เกี่ยวข้องออกมาให้ความคิดเห็นว่า หากรัฐบาลตัดสินใจช้าและมอบเงินในส่วนนี้ช้าเกินกว่า 2อเดือน ในขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ยังคงไม่คลี่คลาย ประชาชนยังได้รับผลกระทบโดยเฉพาะภาคแรงงานในระบบ รัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้กลุ่มคนทำงานในระบบที่มีรายได้เกินเดือนละ 25,000 บาทด้วย แต่บทสรุปจะเนอย่างไรนั้นก็คงจะทราบผลในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน