สิ่งที่หลายคนไม่รู้และเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครื่องดื่มชาที่คุ้นเคย

เครื่องดื่มชา

ชาเป็นเครื่องดื่มที่รู้จักกันมานานนับพันปี แต่สำหรับประเทศไทยเรา คนไทยเพิ่งจะมาฮิตดื่มชากันมากในช่วง10 ปีมานี้เอง ทั้งในรูปแบบของชาร้อนตามภัตตาคาร หรือผงชาชงที่นำมาชงร้อนดื่มตามบ้าน แต่ที่ฮิตที่สุดก็คือชาผสมนมและชาเย็นประเภทต่าง ๆ ทั้งชาเขียว ชาไทย ชาผสมน้ำผลไม้ ชาใส่เม็ดไข่มุก ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไปเองว่าเครื่องดื่มชาทุกชนิดมีประโยชน์ จึงดื่มชากันในปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วความจริงเกี่ยวกับชาเป็นอย่างที่คิดกันหรือไม่ นี่คือสิ่งที่คนดื่มชาควรรู้

เริ่มกันที่ชาเขียว เมื่อได้ยินเรามักจะนึกถึงสุขภาพที่ดี คุณสมบัติที่ป้องกันโรคมากมายและบำรุงร่างกาย ซึ่งในชาเขียวนั้นมีประโยชน์จริง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี ต้านไวรัส ขับปัสสาวะ ต้านมะเร็ง และอื่น ๆ แต่อย่าเพิ่งหยุดแค่ประโยชน์มากมายของชาเขียว เพราะข้อมูลที่ต้องรู้ให้ครบคือ ปริมาณชาเขียวที่คุณจะกินแล้วให้ได้ประโยชน์จริง ๆ นั้น คือต้องกินชาเขียวชนิดเข้มข้น แบบที่คนญี่ปุ่นกินกันอย่างจริงจัง และที่สำคัญถ้าต้องการประโยชน์ในเรื่องการป้องกันมะเร็ง คุณต้องกินชาเขียวเข้มข้นถึงวันละ 20 แก้วทีเดียว ซึ่งคงเป็นไปได้ยาก ชาเขียวที่กินกันมีปริมาณเจือจางจนไม่เหลือประโยชน์เลยก็ว่าได้

ชาเขียว

ชาใส่นมทั่วไปที่ฮิตกันสุด ๆ ล่ะชาที่ดื่มกันนี้ ความจริงแล้วแทบจะหาประโยชน์ใด ๆ ไม่ได้ เพราะปริมาณของชาที่ใส่ลงไปนั้นน้อยมาก เมื่อเทียบกับน้ำตาลไซรัปที่มีโทษต่อร่างกาย ทำให้อ้วนและเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน น้ำตาลปริมาณมากทำให้แก่ไวด้วย และยังมีสารสังเคราะห์มากมาย แต่งสี แต่งกลิ่น มีแป้งและครีมเทียมที่เป็นทรานซ์แฟด ประโยชน์เดียวของชานมและชาไข่มุกคือ ความอร่อย ให้พลังงานที่ดูจะมากเกินจำเป็นและสดชื่นนั่นเอง

ชานมไข่มุก

ชาขาวและชาจีน เป็นชาประเภทที่ให้ประโยชน์มากกว่าชาอื่นที่กล่าวมา เพราะมักจะดื่มกันในรูปแบบชาร้อนที่เข้มข้น แต่คนที่ชอบดื่มชาประเภทนี้นั้นมีน้อยมาก ชาขาวและชาจีนถูกนำไปชงให้กลายเป็นชาเย็น ชาดำเย็น ซึ่งกลายเป็นโทษไปอีกเช่นกัน คนที่ดื่มชาดำเย็นเป็นประจำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่งในไต เพราะปริมาณชาไปสะสมในไตมาก ชายังทำให้นอนไม่หลับได้ เพราะมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ในปริมาณที่แตกต่างกันไป

ชาขาว

บทสรุปของชา อาจทำให้หลายคนฝันสลายถึงการดื่มชาว่าเป็นเครื่องดื่มวิเศษ แต่ความจริงนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะดื่มหรือกินอาหารอะไร ปริมาณที่พอดีย่อมเป็นคำตอบเสมอ