ในปัจจุบันการจัดฟันหรือดัดฟัน มีให้เลือกหลายรูปแบบ แต่ที่ฮิตติดเทรนด์ที่สุด คงต้องยกให้การจัดฟันแบบใส ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทุกปี จึงมีสถานพยาบาลที่รองรับการจัดฟันใสมากขึ้น การแข่งขันก็สูงขึ้น ส่งผลให้มีการจัดโปรโมชัน และปรับราคาจนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันการจัดฟันรูปแบบอื่น ก็ยังคงอยู่ในกระแสอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
จัดฟันดีไหม ? จัดฟันแบบใส หรือแบบไหนดี ?
หากถามว่า จัดฟันดีไหม? คงต้องกลับไปเริ่มต้นที่คำถามว่า ฟันมีความผิดปกติไหม? หรือแค่อยากจัดฟันแฟชั่น ถึงจะตอบได้ว่า จัดฟันดีไหม จำเป็นต้องจัดฟันหรือเปล่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ฟันที่มีการเรียงตัวผิดปกติจนต้องดัดฟัน มักมีรูปแบบที่พบบ่อยดังนี้
ฟันห่าง
หมายถึงฟันที่มีช่องว่างระหว่างฟัน ส่งผลให้มีเศษอาหารติดที่ซอกฟันได้ง่าย และยังอาจทำให้มีลมหรือน้ำลายรั่วผ่านซอกฟัน จนส่งผลต่อการพูดและบุคลิกภาพ
ฟันเหยิน
ฟันในลักษณะนี้ อาจทำให้เคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด, พูดไม่ชัด และปากปิดไม่สนิท ซึ่งไม่ว่าจะจัดฟันแบบใส หรือจัดฟันแบบไหน ก็จะช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามขึ้นได้แน่นอน
ฟันเก
ฟันเก ฟันซ้อน เป็นรูปแบบความผิดปกติที่พบได้บ่อย แต่บางคนอาจไม่เคยสังเกตตัวเอง จึงไม่ได้รับการดูแล ไม่ได้จัดฟัน ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ ในระยะยาวอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างใบหน้า ช่วงกระดูกกรามได้
ฟันสบผิดปกติ
หากคนที่มีปัญหาสบฟันผิดปกติถามว่า จัดฟันดีไหม ? ตอบได้คำเดียวว่าดีแน่นอน เพราะไม่ว่าจะฟันสบเปิด, ฟันสบคร่อม หรือฟันสบลึก หากไม่ได้รับการรักษา จะสร้างความเสียหายต่อฟันและกระดูกขากรรไกร เมื่ออายุมากขึ้นแน่นอน
ข้อดีของการจัดฟัน ที่ช่วยให้คุณใช้ชีวิตง่ายขึ้น
แปรงฟันง่ายขึ้น
หลังจากทำการจัดฟัน ฟันที่เคยห่าง เคยซ้อน จะเรียงตัวอย่างสวยงามเป็นระเบียบ ทำให้สามารถแปรงฟันได้อย่างทั่วถึง ทำความสะอาดช่องปากได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการจัดฟันแบบใส ที่สามารถถอดอุปกรณ์ออกเองได้หมด จึงแปรงฟันได้เหมือนปกติ ไม่ต่างกับก่อนดัดฟันเลย
ฟันแข็งแรง
เมื่อฟันถูกจัดเรียงอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่มีการซ้อนทับเกยกัน หรืออยู่ในองศาที่ทำให้แปรงฟันลำบาก ก็จะช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น จึงช่วยลดปัญหาฟันผุ, ลดคราบหินปูน, ลดปัญหาฟันกดเบียดกันเอง และลดการกระแทกกันของฟัน แบบผิดปกติได้
เคี้ยวอาหารละเอียดขึ้น
ประโยชน์ข้อสำคัญของการจัดฟัน คือฟันที่เคยสบเปิด, ฟันห่าง และฟันที่ผิดปกติทั้งหมด จะกลับมาเรียงตัวเป็นระเบียบ และทำหน้าที่บดอาหารได้อย่างสมบูรณ์ อาหารที่เคี้ยวจึงละเอียดมากขึ้นด้วย
ลดปัญหาเหงือกอักเสบ
การที่ฟันไม่สวย ฟันเรียงตัวผิดปกติ จะทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่เหงือก จึงยากต่อการดูแลทำความสะอาด ส่งผลให้เกิดเหงือกอักเสบ, เหงือกร่น, มีกลิ่นปาก และเกิดอีกหลายปัญหาตามมา ซึ่งข้อดีของการจัดฟันอีกข้อหนึ่ง ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง คือปัญหาเหงือกอักเสบ, เลือดออกง่าย, เหงือกเป็นหนอง จะลดลงด้วย
การพูดชัดเจนขึ้น
คนที่มีปัญหาฟันห่าง, ฟันยื่น, ฟันเหยิน, ฟันสบเปิด อาจเปล่งเสียงพูดได้ไม่ชัดเจน และอาจมีน้ำลายกระเด็นผ่านซอกฟันขณะพูด จนไม่กล้าสนทนากับคนอื่น ซึ่งการจัดฟันทุกแบบจะช่วยแก้ปัญหานี้ และบางคนยังอาจได้ของแถม กลายเป็นจัดฟันหน้าเรียวขึ้นอีกด้วย
บุคลิกภาพดีขึ้น
หลังจากจัดฟันแบบใส หรือไม่ว่าจะดัดฟันแบบไหน คุณจะรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น มั่นใจในรอยยิ้มมากขึ้น กล้ายิ้ม กล้าพูดกับคนอื่น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างบุคลิกที่ดี เป็นการเปิดโอกาสในการทำงานและการเข้าสังคม ซึ่งจะช่วยให้คุณแฮปปี้กับชีวิต มากกว่าเดิมแน่นอน
วิธีดัดฟัน จัดฟัน มีกี่แบบ ? พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่าง
หากถามว่าการจัดฟัน มีกี่แบบ กี่วิธี ? ถ้านับเฉพาะแค่รูปแบบหลัก ปัจจุบันมี 4 วิธีด้วยกันแตกต่างกันตามอุปกรณ์ที่ใช้ ซึ่งการพิจารณาเลือกเครื่องมือนั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงราคา, ความสวยงาม, ความชอบ และความสะดวกแล้ว ยังควรรับฟังคำแนะนำจากทันตแพทย์ด้วย เพราะข้อจำกัดของแต่ละคน อาจทำให้เหมาะกับวิธีจัดฟันที่ต่างกัน
จัดฟันแบบโลหะ
การจัดฟันเหล็ก หรือจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces) เป็นวิธีพื้นฐานที่สุด สำหรับการจัดเรียงฟันให้เข้าที่ โดยวัสดุติดผิวฟัน (Bracket) ทำจากโลหะทางการแพทย์เกรดคุณภาพ ซึ่งต้องใช้ร่วมกับยางสีดึงฟัน หรือยางจัดฟัน ยางโอริง (O-ring) และอุปกรณ์อีกหลายส่วน เพื่อให้ฟันเปลี่ยนองศาไปยังตำแหน่งที่ต้องการ
ข้อดี
- ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะที่ชัดเจน คือมีราคาถูกที่สุด
- มีแรงดึงมากพอ ที่จะสามารถดึงฟันผิดปกติทุกรูปแบบ ให้เข้าที่ตามต้องการได้
- เปลี่ยนสียางดึงฟันได้ทุกเดือน สร้างลุคใหม่ได้ไม่ซ้ำ
ข้อด้อย
- ดูแลช่องปากลำบาก แปรงฟันได้ยาก
- เสี่ยงเกิดปัญหาฟันผุ, เหงือกอักเสบ และแผลในช่องปากได้ง่าย
- เครื่องมืออาจรบกวนการพูด และการเคี้ยวอาหารได้
- ต้องมีเวลาพบทันตแพทย์ อย่างน้อยทุก 4 สัปดาห์ เพื่อปรับลวดและเปลี่ยนยางโอริง
จัดฟันแบบเซรามิก
นอกจากจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟัน มีกี่แบบที่เหลือ ? อีกรูปแบบหนึ่ง คือการจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces) ที่ใช้หลักการเหมือนกับการจัดฟันเหล็ก แต่เปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้ติดบนผิวฟัน จากโลหะสีเงิน เป็นการใช้เซรามิกแทน เพื่อให้กลมกลืนกับสีฟันมากขึ้น แต่ลวดที่ดึงระหว่างฟันยังเป็นโลหะ และยังต้องใช้ยางจัดฟันอยู่
ข้อดี
- Bracket มีสีกลมกลืนกับฟัน ทำให้ดูเด่นสะดุดตาน้อยลง
- ระคายเคืองช่องปาก น้อยกว่าการดัดฟันแบบโลหะ
- แก้ปัญหาฟันได้ทุกรูปแบบ เหมือนกับการจัดฟันเหล็ก
ข้อด้อย
- เครื่องมือเซรามิก มีแนวโน้มแตกหักง่ายกว่า
- สียางจัดฟัน อาจติดผิวเซรามิกได้
- ทำความสะอาดช่องปากลำบาก เพราะติดเครื่องมือที่ใช้จัดฟัน
- เกิดฟันผุและหินปูนได้ง่าย หากทำความสะอาดไม่ทั่วถึง
- ต้องพบทันตแพทย์สม่ำเสมอทุก 4 สัปดาห์
จัดฟันแบบดามอน
จัดฟันดีไหม ? ไม่ค่อยมีเวลาดัดฟันได้หรือเปล่า ? อีกทางเลือกหนึ่งของการจัดฟัน สำหรับคนที่ไม่สะดวกพบทันตแพทย์บ่อย และไม่ต้องการใช้ยางดึงฟัน คือการจัดฟันแบบดามอน (Damon®) ที่ใช้เครื่องมือติดผิวฟันแบบพิเศษ เป็นเทคโนโลยีแบบบานพับ (Self-ligating Braces) สามารถดึงฟันเข้าหากันได้ โดยไม่ต้องใช้ยางสีดึงฟัน
ข้อดี
- โอกาสเกิดแผลในช่องปากลดลง ระคายเคืองน้อยลง
- ลดความรู้สึกเจ็บปวด จากการใช้ยางดึงฟัน
- อาจมีระยะห่างระหว่างการนัดนานกว่า พบทันตแพทย์น้อยกว่า
- อาจใช้ระยะเวลาการจัดฟันน้อยกว่า
ข้อด้อย
- มีราคาสูงกว่า การจัดฟันแบบโลหะและแบบดามอน
- ทำความสะอาดผิวฟันลำบาก เพราะมีอุปกรณ์ติดแน่น
- มีโอกาสเกิดปัญหาในช่องปาก เพราะทำความสะอาดไม่ดี
จัดฟันแบบใส
การจัดฟันใส Invisalign® เป็นรูปแบบการจัดฟัน ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูงในเหล่าดารา, นักร้อง, พิธีกร และคนดังในหลายวงการ เพราะอุปกรณ์ที่ใช้จัดฟันโปร่งใส ไม่ทำให้ระคายเคือง และสังเกตเห็นได้ยาก
ข้อดี
- ไม่ต้องเจ็บปวด จากการดึงยางสีจัดฟัน หรือขยับลวดดึงฟัน
- วัสดุจัดฟันแบบใส ไม่สะดุดตา ไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือความมั่นใจ
- สามารถถอดเครื่องมือออกได้ ขณะแปรงฟันและรับประทานอาหาร
- เสี่ยงฟันผุและเหงือกอักเสบ น้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่น
- ลดความรู้สึกระคายเคืองช่องปากได้
- ลดโอกาสพูดไม่ชัด ที่อาจเกิดจากการใช้วัสดุติดฟัน (Bracket)
- เปลี่ยนชุดจัดฟันได้เองตามกำหนด ไม่ต้องพบแพทย์บ่อย
- ใช้ระยะเวลาจัดฟันสั้นกว่า
ข้อด้อย
- ค่าใช้จ่ายประมาณ 70,000 – 200,000 บาท เป็นราคาที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับทุกรูปแบบ
- ผลลัพธ์จากการจัดฟันแบบใสอาจไม่สมบูรณ์แบบ ในกรณีที่ฟันมีความผิดปกติมาก เช่น ฟันเขี้ยวที่มีแต่ปลายฟัน พ้นออกจากเหงือก
- การดัดฟันใสอาจไม่สำเร็จ หากคนไข้ถอดอุปกรณ์บ่อยเกินไป
- อุปกรณ์จัดฟันโปร่งใส ถอดแล้ววางลืมทิ้งไว้ได้ง่าย
ฟันห่าง ฟันไม่สวย จัดฟันใสดีไหม ?
ถึงตอนนี้คุณก็ได้ทราบแล้วว่า การจัดฟัน มีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร ? มีข้อดีข้อด้อยแบบไหน ? ซึ่งสำหรับการจัดฟันใสนั้น เป็นวิธีที่ดี ถูกต้องตามหลักการแพทย์ สามารถแก้ปัญหาฟันที่ห่าง ฟันไม่สวยได้แน่นอน ดูผลลัพธ์ล่วงหน้าได้จากภาพจำลอง ในขั้นตอนของการพิมพ์ฟัน แต่จะปรับจนสมบูรณ์ขนาดไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละบุคคล
ซึ่งข้อดีของการจัดฟันแบบนี้อยู่ที่วัสดุที่ใช้ ซึ่งมีความโปร่งใสมาก สังเกตเห็นได้ยาก ทั้งยังสามารถถอดออกได้ จึงดูแลช่องปากได้ง่ายกว่าแบบอื่น ช่วยลดปัญหาสุขภาพช่องปากได้ รวมถึงมีระยะเวลาจัดฟันที่สั้นกว่าด้วย แต่ข้อดีทั้งหมดนี้ ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อด้อยแล้ว คงมีเพียงคุณเท่านั้น ที่จะตอบได้ว่า การจัดฟันแบบใส ดีไหม แล้วเหมาะกับคุณหรือเปล่า
สรุป
การจัดฟันแบบใส Invisalign® และการจัดฟันแบบต่าง ๆ จะช่วยแก้ปัญหาฟันเรียงตัวผิดปกติ ที่ทำให้เกิดปัญหาในการเคี้ยว การพูด และอาจส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ซึ่งการจัดฟันแต่ละรูปแบบมีข้อดีข้อด้อยต่างกัน แต่หากโฟกัสเฉพาะการจัดฟันแบบใสจะพบว่า สามารถใช้รักษาฟันห่าง และฟันผิดปกติได้ทุกรูปแบบ ส่วนผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล สรุปในภาพรวมแล้ว การจัดฟันใสมีข้อดีที่เหนือกว่าการจัดฟันรูปแบบอื่นหลายประการ แต่ก็มาพร้อมกับงบประมาณที่สูงขึ้น 3 – 6 เท่าเช่นกัน สุดท้ายแล้วการจัดฟันใสดีไหม คงมีเพียงแต่คุณเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้ ซึ่งไม่ว่าจะเลือกจัดฟันแบบไหน ก็ควรนึกถึงความปลอดภัยด้วยเสมอ เพราะการจัดฟันเถื่อน จัดฟันแบบไม่ได้มาตรฐานนั้น อาจส่งผลต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงได้